วัดบำเพ็ญจีนพรต (ย่งฮกยี่) เยาวราช

        วันนี้เราพามาทั้งทำบุญและดูศิลปะแบบสมัยโบราณของชาวจีนกันวัดนี้ชื่อวัดบำเพ็ญจีนพรต หรือ ย่งฮกอำ คาดว่าสร้างโดยชาวจีนในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตรงกับพ.ศ. 2338

        เมื่อมองไปทางซ้ายมือจะพบกับหน้าทางเข้าวัดบำเพ็ญจีนพรต หรือ ย่งฮกยี่ มีประตูทางเข้าเล็กๆ ภายในมีหลวงจีนรูปหนึ่งกำลังจุดธูปบูชาทำวัดอยู่ แสดงว่าเป็นวัดที่มีพระจำวัดอยู่จริง

        ต่อมาพระอาจารย์สกเห็งได้ปฏิสังขรณ์วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “ย่งฮกยี่” ในราวปีพ.ศ.2430 แล้วกราบบังคมทูลขอพระราชทานนามวัดจาก รัชกาลที่ 5 จึงพระราชทานนามวัดว่า “วัดบำเพ็ญจีนพรต” ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศก็ว่า

        ได้แต่มีพระสงฆ์จีนจำพรรษาอยู่ นับเป็นเรื่องแปลก อุโบสถเล็กที่มีพื้นที่กว้างสุดเพียง กว้าง 7.80 เมตร ยาว 10.20 เมตร เป็นอาคารโครงสร้างไม้แบบจีน ผนังก่ออิฐฉาบปูน หลังคาจั่วมุงด้วยกระเบื้องดินเผากาบกล้วยแบบจีน และเป็นที่ประดิษฐานองค์พระประทานสำคัญๆต่างๆมากมาย ถ้าทุกท่านพร้อมแล้วเราจะพาไปไหว้พระขอพรและชมความงามกันเลย  

        เมื่อเดินเข้ามาภายในจะพบกับอุโบสถเก่าแก่ด้านบนมีป้ายพระราชทานโดย สมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ

        วัดบำเพ็ญจีนพรตปัจจุบันดูแลโดยพระอาจารย์เย็นอี หรือ หลวงจีนธรรมรักษ์จีนประจิต เป็นเจ้าอาวาส ป้ายชื่อวัดแห่งนี้เปิดฉลองปฏิสังขรณ์ใหม่วันที่30มีนาคม2518 โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (สมเด็จพระสังฆราชในสมัยนั้น ทรงเป็นประธานเปิด

        เริ่มต้นออกเดินทางกันเลย เมื่อเดินทางมาถึงถนนเยาวราชให้เดินทางฝั่งขวาของถนน ให้สังเกตุจนมาถึงซอย8 หรือตรอกเต๊า ซึ่งอยู่หัวมุมของร้านทอง24กะรัต ทางเข้าจะเป็นซอยเล็กๆลองเดินเข้าไปเลยดีกว่า

       เข้าซอยมาสัก20เมตร จะพบกับป้ายร้านสุกี้โบราณไท้เฮง และสำนักงานทนายความ ไม่น่าเชื่อว่าตรอกเล็กๆแห่งนี้จะมีผู้อยู่อาศัยเปิดกิจการกันอย่างหนาแน่นบรรยากาศไม่น่ากลัวเลย

ป้ายประวัติความเป็นมาของวัดบำเพ็ญจีนพรต ตั้งอยู่ด้านหน้าของวัดค่ะ

มาเริ่มไหว้พระกันเลย จุดธูปทั้งหมด 21 ดอก ปักธูปจุดละ3ดอก ให้ไหว้เรียงลำดับตามภาพเลย

     เริ่มจากขอพรพระในพระอุโบสถกันก่อนเลย ประกอบด้วย  พระศากยมุนีพุทธเจ้า (เซกเกียโหม่วหนี่ฮุก)  พระอมิตาภะพุทธเจ้า (ออหมี่ถ่อฮุก)  พระไภษัชยะคุรุพุทธเจ้า (เอี๊ยะซือฮุก) ซึ่งองค์พระทั้งหมดทำจากวัสดุผ้าป่านทาบรัก หรือที่เรียกว่า โก๋ยติ๋ว-ทกซา

        ต่อจากนั้นไหว้ขอพรเทพกวนอูและตั่วเหล่าเอี๊ย ทั้ง2องค์ตั้งอยู่ที่ทางซ้ายและขวาขององค์พระประธาน

     ตรงกลางทางเดินระหว่างอุโบสถและวิหารเทพคือ ศาลเทพเจ้า ไฉ่ซิ่งเอี้ย ไท่ส่วยเอี้ย และฮั่วท๋อเซียนซื่อ

       ที่วิหารด้านหน้าเป็นที่ประทับของพระสกันทะโพธิสัตว์ แต่งกายแบบนักรบจีนโบราณในมือถือคฑาจรดพื้น เป็นเทพผู้มีหน้าที่ดูแลวัดวาอารามและกำราบผู้ที่จะทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย

     พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ท่านคือพระโพธิสัตว์ ได้รับความเคารพนับถือมากในพุทธศาสนานิกายมหายาน (ที่คนจีนนับถือ)ลักษณะคล้าย พระสังกัจจายน์ ต่างกันที่พระเศียร(หัว) ไม่มีพระเกศา(ผม) ครองจีวรเปิดด้านหน้า (เห็นพุง) มือข้างหนึ่งถือถุงย่าม ข้างหนึ่งถือลูกประคำ พระสังกัจจายน์หรือพระมหากัจจายนะเถระ ท่านคือพระอรหันต์ ได้รับความเคารพนับถือมากในพุทธศาสนานิกายเถรวาทหรือหินยาน (ที่คนไทยนับถือ)

     ด้านข้างพระอุโบสถจะที่ตั้งพระอรหันต์ 18 องค์ปรางต่างๆ ทำจากวัสดุผ้าป่านทาบรักลงรักปิดทองเป็นศิลปะแบบจีนโบรานชั้นสูง ดูคล้ายทองเหลืองเลย

     วัดแห่งนี้แบ่งออกเป็น5ชั้นแต่เราได้รับอนุญาตให้ขึ้นได้เพียงชั้น2เท่านั้น ซึ่งชั้นนี้เป็นที่เก็บป้ายชื่อของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วคล้ายกับของไทยที่เก็บโกฐไว้ตามกำแพงหรือสถูปในวัด

     เมื่อมองจากด้านบนจะเห็นได้ว่าเป็นพระอุโบสถที่มีขนาดเล็กและแปลกมากที่สุดในประเทศเพราะสร้างอยู่ใจกลางอาคารพาณิชย์ที่มีคนอาศัยอยู่ โดยทั้ง4ด้านจะถูกปิดล้อมด้วยตัวอาคารทั้งหมด

     ปิดท้ายด้วยภาพมุมมองด้านบนของวัดเป็นภาพที่สวยงามดูมีเสน่ห์โดยเฉพาะลวดลายของกระเบื้องดินเผากาบกล้วยแบบจีนและโคมไฟเต็งลั้งที่สร้างบรรยากาศที่มีกลิ่นไอจากแดนมังกรได้อย่างลงตัว

สถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง

		๐ ศาลเจ้าเล่งบ้วยเอี๊ยะ ผู้คนนิยมมาสักการะบูชาขอพร มีกระดาษยันต์ของเล่งบ๊วยเอี้ยะใช้สำหรับป้องกันภูตผีเป็นที่เลื่องชื่อ
		๐ มูลนิธิเทียนฟ้า มูลนิธิแห่งนี้มีศาลรูปเคารพของเจ้าแม่กวนอิม ผู้คนนิยมมาขอพรให้ปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ มีสุขภาพแข็งแรง
		๐ วงเวียนโอเดียน  ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา ออกแบบโดยช่างผู้ชำนาญด้านศิลปกรรม ของจีน

    
ร้านและสถานที่ใกล้เคียง